จิตวิทยาการลงทุน : รู้จักกับ “อคติหลีกเลี่ยงการสูญเสีย”
ความรู้การเงิน และการลงทุน21

จิตวิทยาการลงทุน : รู้จักกับ “อคติหลีกเลี่ยงการสูญเสีย”
อคติหลีกเลี่ยงการสูญเสีย (Loss aversion bias) คือ แนวโน้มทางจิตวิทยาที่เหล่านักลงทุนจะรู้สึก “กลัว” จากการสูญเสียมากกว่าความ “พึงพอใจ” ที่ได้จากผลกำไรจากการลงทุนเป็นในจำนวนที่เท่ากัน ตัวอย่างเช่น หากคุณเสียเงิน 1,000 บาท จากการลงทุนคุณจะรู้สึกแย่มากกว่าที่คุณจะรู้สึกดีเมื่อได้กำไร 1,000 บาท ผลที่ตามมาคือ นักลงทุนอาจตัดสินใจผิดพลาด อย่างการไม่กล้าขายหุ้นที่ขาดทุน เพราะหวังว่าจะกลับมาเท่าทุน หรือรีบขายหุ้นทั้งที่กำไรเล็กน้อยเพราะกลัวจะเสียกำไร
Loss aversion bias ถือเป็นหนึ่งในหลักของทฤษฎี Prospect Theory โดยคุณ Daniel Kahneman นักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมระดับรางวัลโนเบล ซึ่งได้อธิบายว่า มนุษย์ไม่ได้ตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเสมอ มนุษย์นั้น มีอารมณ์ ความกลัว ความโลภ ความลำเอียง โดยเฉพาะในสภาวะที่ไม่แน่นอนหรือมีความเสี่ยง
อคติหลีกเลี่ยงการสูญเสีย ส่งผลต่อการลงทุนอย่างไร
ส่งผลอย่างยิ่งโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นผันผวน เช่น การที่ราคาหุ้นลดลงอย่างรวดเร็ว นักลงทุนหลายคนมักรู้สึกวิตกกังวลและกลัวว่าความสูญเสียของพอร์ตการลงทุนจะยิ่งมากขึ้น หากไม่ขายออกไป แต่ความจริงแล้ว การตัดสินใจเช่นนี้มักจะทำให้นักลงทุนบางส่วนพลาดโอกาสในการฟื้นตัวของตลาดในอนาคต อคติดังกล่าวนี้ยังทำให้หลายคนเลือกที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำเกินไป เช่น พันธบัตร หรือเงินฝากธนาคาร ซึ่งในบางกรณี สินทรัพย์เหล่านี้อาจไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่เพียงพอในการบรรลุเป้าหมายการลงทุนระยะยาว
ตัวอย่าง
ในเดือน มีนาคม 2020 ดัชนีหุ้นไทย (SET Index) เผชิญความผันผวนอย่างรุนแรง จากที่อยู่ในโซน 1520 – 1500 ก็ร่วงหล่นมาอยู่ที่ 1000 – 970 จากวิกฤต COVID-19 หลังจากนั้นอีก 3 เดือนต่อมา ดัชนี้ก็รีบาวด์ขึ้นมาในโซน 1450 – 1400 ซึ่งทำให้นักลงทุนพลาดโอกาสในการลงทุนในช่วงวิกฤต จึงเห็นได้ว่าอคติดังกล่าวทำให้นักลงทุนบางรายตัดสินใจผิดพลาดเพราะกลัวการสูญเสียระยะสั้น แทนที่จะมองถึงโอกาสในการทำกำไรระยะยาว
วิธีรับมือกับ อคติหลีกเลี่ยงการสูญเสีย
1. เรียนรู้ความผันผวนของตลาด
ความผันผวนเป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้น เมื่อเข้าใจว่าราคาในระยะสั้นมีแนวโน้มขึ้นลงอยู่เสมอ แต่เมื่อเรียนรู้และเผชิญกับความผันผวนอย่างสม่ำเสมอ นักลงทุนจะค่อย ๆ พัฒนา "ภูมิคุ้มกันทางจิตใจ" และสามารถยึดมั่นในเป้าหมายระยะยาวได้ดีขึ้น
2. มีเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนในระยะยาว
การตั้งเป้าหมายระยะยาวจะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของการลงทุนแทนที่จะตัดสินใจจากความกลัวการสูญเสียในระยะสั้น เมื่อคุณมีเป้าหมายในการลงทุนที่ชัดเจน เช่น การลงทุนเพื่อการเกษียณหรือการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว คุณจะสามารถทำการตัดสินใจได้ดีขึ้น
3. เข้าใจธรรมชาติของ “ความเสี่ยง”
นักลงทุนที่เข้าใจความผันผวนจะเข้าใจว่า ความเสี่ยงไม่ได้หมายถึง "การขาดทุนแน่นอน" แต่เป็นความไม่แน่นอนที่สามารถบริหารจัดการได้ ซึ่งส่งผลดีต่อการวางแผนการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่รับได้
4. หลีกเลี่ยงการติดตามข่าวสารการเงินในช่วงที่ตลาดหุ้นตก
ข่าวเศรษฐกิจบางคอลัมน์ใช้ศัพท์ที่ทำให้ตื่นตระหนก เช่น “เกิดวิกฤต” หรือ “ตลาดหุ้นถล่มจนเป็นประวัติการณ์” ที่กระตุ้นความเครียดและความกลัวของนักลงทุน ในช่วงตลาดหุ้นตก การเว้นระยะจากข่าวสารเชิงลบสามารถช่วยให้คุณมี “จิตใจมั่นคง” และ “ตัดสินใจด้วยเหตุผล” ได้ดีขึ้น ถือเป็นเครื่องมือเชิงจิตวิทยาสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความสม่ำเสมอในการลงทุนระยะยาว
สุดท้ายสำหรับใครที่อยากเริ่มลงทุน 724 Wealth สามารถให้คำปรึกษาและมีช่องทางการบริการให้เราช่วยอำนวยความสะดวกได้ที่ Line ID : @724Wealth หรือคลิ๊ก https://lin.ee/N1IQLH5
อ้างอิงจาก : หนังสือ Thinking, Fast and Slow เขียนโดย Daniel Kahneman นักจิตวิทยาและนักเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมเจ้าของรางวัลโนเบลในปี 2002