รถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร? ทำไมได้รับความนิยมในปี 2023
ความรู้ทั่วไป73,782
ปัจจุบันในปี 2023 กระแสรถยนต์ไฟฟ้า หรือที่เรียกกันว่า รถ EV (Electric Vehicle) กำลังได้รับความน่าสนใจเป็นอย่างมากในประเทศไทย เนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะลง จึงทำให้เกิดความสนใจรถไฟฟ้า EV มากขึ้น เพราะเมื่อเทียบค่าไฟฟ้ากับค่าน้ำมันแล้ว ค่าไฟฟ้าราคาถูกกว่ามาก ทำให้หลายๆคนเกิดข้อสงสัยอยากศึกษาว่ารถไฟฟ้า รถ EV คืออะไร? มีกี่ประเภท? ต่างกันยังไงบ้าง?
รถยนต์ไฟฟ้าแบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
1. รถ HEV (Hybrid Electric Vehicle)
รถ Hev หรือ รถยนต์ไฮบริด คือรถยนต์ที่ใช้พลังงานจาก 2 แหล่งร่วมกัน คือไฟฟ้า และน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าช่วยทำงานในบางช่วง เช่น ใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนตอนออกตัว หรือเร่งเครื่องแซงคันอื่น และหลังจากรถได้รอบได้ความเร็วที่ระบบกำหนดแล้ว ระบบจะตัดกลับไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเหมือนเดิม และรถไฮบริด(HEV)ไม่สามารถเสียบปลั๊กชาร์จแบตเตอรี่จากภายนอกได้ จะชาร์จจากระบบการเบรก หรือชะลอรถ แบบผันกลับ (Regenerative Breaking System) เพื่อชาร์จพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าแบตเตอรี่
2. รถ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle)
รถ Phev หรือ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด คือ รถยนต์ที่ต่อยอดมาจาก รถ Hybrid(Hev) โดยมีแบตเตอรี่ขนาดที่ใหญ่ขึ้น กำลังมอเตอร์สูงขึ้น ทำให้ประหยัดพลังงานในโหมด Hybrid ได้มากขึ้น และสามารถวิ่งด้วยระบบไฟฟ้า100% ได้ระยะทางที่ไกลขึ้นด้วย โดย รถ Phev นั้นสามารถแยกโหมดในการขับขี่ได้ คือ 1.โหมดขับขี่ปกติทั่วไป(Hybrid Mode) 2.โหมดพลังงานไฟฟ้า100% (EV Mode) และรถ Phev สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าจากภายนอกไปเก็บที่แบตเตอรี่ได้โดยตรง
3. รถ BEV (Battery Electric Vehicle)
รถ Bev หรือรถไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ คือรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าจากภายนอกไปเก็บที่แบตเตอรี่ได้ และไม่มีเครื่องยนต์สันดาปไม่มีการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ทำให้เป็นรถยนต์ที่ไม่มีการปล่อยมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถนอนหลับในรถได้ด้วย
4. รถ FCEV (Fuel Cell Electric Vehicle)
รถ Fcev หรือรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง คือรถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากปฏิกิริยา Fuel cell Stack โดยการปล่อยก๊าซไฮโดรเจนจากถังเก็บ และออกซิเจนในกาศ เข้าไปใน Fuel Cell ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมี และเกิดประจุไฟฟ้าส่งไปที่มอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อการขับเคลื่อนโดยตรง และเอาพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินจากปฏิกิริยา Fuel Cell และ RBS (Regenerative Breaking System)ไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่
สิ่งสำสัญ
1 อย่างที่ต้องระวังสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าคือ รถชน รถเสีย ซ่อมที่ไหน? อะไหล่แพงไหม? เป็นอีก 1 สิ่งที่ยังไม่มีคำตอบแน่ชัด และในประเภท รถ EV แบตเตอรี่มีราคาที่สูงมากๆ จึงมีความจำเป็นอย่างมากในการเลือกซื้อประกันให้คุ้มครองแบตเตอรี่เพื่อความอุ่นใจ ตรงนี้เป็นอีกเรื่องที่เราต้องใส่ใจมากๆ :คลิกอ่านรายละเอียดประกันรถไฟฟ้าEVเพิ่มเติม
สรุปแล้ว จะเห็นได้ชัดว่ารถทั้ง 4 ประเภท มีกลไกระบบการทำงานที่แตกต่างกัน อยู่ที่เราจะเลือกใช้ตามความเหมาะสมต่อความสะดวกของเรา โดยจุดประสงค์ของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแต่ละประเภทที่ผลิตออกมานั้น มีเป้าหมายเดียวกัน คือการลดการปล่อยมลพิษ ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ลดภาวะโลกร้อนนั้นเอง
แล้วเราจะเลือกซื้อประเภทไหนดี? อ่านต่อได้เลยที่ : รถยนต์ไฟฟ้าประเภทไหน?ที่เหมาะกับเรา