เมื่อพ่อ แม่ บรรพบุรุษจากเราไป แต่หนี้ยังอยู่ทำอย่างไรดี?
ทั่วไป14
 
                เมื่อพ่อ แม่ บรรพบุรุษจากเราไป แต่หนี้ยังอยู่ทำอย่างไรดี?
หากพูดถึงมรดกที่จะส่งต่อจากผู้เสียชีวิตถึงทายาทแล้ว แน่นอนว่าหลายคนก็มักจะนึกถึงการส่งต่อความมั่งคั่ง หรือทรัพย์สินมีค่าที่เป็นของผู้เสียชีวิต ไปยังทายาทหรือผู้ที่ถูกระบุชื่อไว้ในพินัยกรรม แต่ถ้าหากผู้เสียชีวิตกลับไม่ได้มีเพียงทรัพย์สมบัติ เพราะดันมีหนี้สินที่ติดตัวอยู่ด้วยจะถูกส่งต่อไปยังผู้รับมรดกเช่นเดียวกัน ดังนั้นวันนี้เราต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า “มรดกหนี้” กันก่อนถ้าหากว่าวันหนึ่งเราพลิกล็อค เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นกับชีวิตของท่าน ควรมีแนวทางการชำระหนี้ หรือตัดสินใจตามแนวทางใดได้บ้าง
มรดกหนี้ คือ
หนี้สินหรือพันธสัญญาต่าง ๆ ที่ต้องชดใช้ให้แก่เจ้าหนี้ และมีอยู่ก่อนตายของผู้เสียชีวิต โดยจะถูกส่งต่อให้ทายาทโดยชอบธรรมตามกฎหมายหรือตามพินัยกรรมระบุไว้เช่นเดียวกับทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ ด้วยนั่นเอง
ไม่อยากรับมรดกหนี้ต้องทำอย่างไร ?
หากขึ้นชื่อว่า "มรดก" ถึงแม้จะศัพท์ที่ดูเป็นการส่งต่อความมั่งคั่ง ตั้งแต่ก่อนมีหนังไทยสุดคลาสสิคที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการส่งต่อมรดกอย่าง "บ้านทรายทอง" แต่ถ้าหากคำว่ามรดกนั้นดันมีคำว่า "หนี้" พ่วงท้ายมาด้วยก็คงไม่มีใครเต็มใจอยากรับ ในเมื่อหนี้ก้อนนั้นตัวเราเองไม่ได้ร่วมก่อหรือมีส่วนได้ส่วนเสียด้วยตั้งแต่แรก ดังนั้นในบทความนี้แอดมินจึงมีวิธีช่วยหาทางออกสำหรับคนที่กำลังจะได้รับมรดกหนี้ ว่าจะมีวิธีในการหักลบ หรือผ่อนหนักให้เป็นเบาได้อย่างไรบ้าง โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 กรณีด้วยกัน ดังนี้
กรณีที่ มรดกหนี้มีมูลค่าน้อยกว่าสินทรัพย์
ตัวอย่างเช่น เจ้าของมรดกมีบ้าน 1 หลังมูลค่า 2 ล้านบาท มีหนี้อยู่ 8 แสนบาท หากทายาทไม่ต้องการเก็บบ้านไว้ สามารถเลือกที่จะนำบ้านมาหักลบกับหนี้กับมรดกหนี้ที่ได้รับมาได้ จากนั้นทายาทจะได้รับส่วนต่างจำนวน 1.2 ล้านบาทกลับมาด้วย แต่ถ้าหากทายาทต้องการเก็บบ้านราคา 2 ล้านบาทไว้ ก็ต้องหาเงินสดจำนวน 8 แสนบาทมาใช้หนี้ให้ครบ จากนั้นจึงดำเนินการทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์บ้านเป็นของตนเองได้
กรณีที่ สินทรัพย์มีมูลค่าเท่ากับมรดกหนี้
หากคุณลองคำนวณแล้วพบว่ามูลค่าของสินทรัพย์ที่จะได้รับเท่ากับจำนวนมรดกหนี้ที่ต้องชำระ หรือคำนวณแล้วมูลค่าทรัพย์สินกับมรดกหนี้ไม่ห่างกันมาก หาส่วนที่ขาดมาชำระได้ไม่ยาก ก็สามารถเลือกใช้วิธีการหักลบหนี้ที่เท่ากับมูลค่าของสินทรัพย์ออกไปได้ และหนี้ที่เหลือจะถูกปิดบัญชี เช่น ได้รับมรดกเป็นรถยนต์ที่แอร์เย็นแถมลำโพงยังชัดแจ๋ว ประเมินราคาได้ 1 ล้าน และมีมรดกหนี้จำนวน 1 ล้าน ก็สามารถใช้รถยนต์ดังกล่าว มูลค่า 1 ล้านใช้หนี้แทนได้
กรณีที่ สินทรัพย์มีมูลค่าน้อยกว่ามรดกหนี้
กรณีแบบนี้ทายาทสามารถแจ้งความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินเรื่องฟ้องยึดทรัพย์สินในส่วนที่เป็นมรดกไปจัดการหนี้ได้เลย และหากคำนวณมูลค่าของมรดกหนี้แล้วมีมากกว่ามรดกที่จะได้รับหรือมีส่วนต่างกันทายาทก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพราะจะไปสอดคล้องกับกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1601 ที่ว่า “ทายาทไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบหนี้สินเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน” เช่น หากทายาทจะได้รับมรดกเป็นบ้าน 1 ล้าน และมรดกหนี้รวมแล้วมีจำนวน 2 ล้าน จึงแจ้งความจำนงให้เจ้าหน้าที่ทำเรื่องฟ้องยึดบ้านหลังดังกล่าวไปจัดการหนี้เอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้หนี้ส่วนต่างเพิ่มเติมแต่อย่างใด
วิธีการเหล่านี้สามารถนำมาปรับใช้สำหรับคนที่ไม่ต้องการรับมรดกหนี้ ลองนำทรัพย์สินและหนี้สินของมรดกมาคำนวณกันให้ดี แล้วตัดสินใจเลือกว่าจะใช้วิธีไหนถึงจะเหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณเองที่กำลังจะเป็นผู้รับมรดกนั้นมา
สุดท้าย
มรดก คือ ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้เสียชีวิตที่มีอยู่ก่อนถึงแก่ความตาย รวมไปถึงสิทธิหน้าที่ และหนี้สินของผู้ตายก็นับเป็นมรดกด้วยเช่นกัน ถ้าให้ดีต้องมีการวางแผนการจัดการทางการเงิน ทายาทก็พึงระลึกว่าก่อนที่จะรับมรดกมา ต้องเข้าใจไว้ว่าจะต้องรับภาระหนี้สินมาด้วย ควรตรวจสอบให้ชัดเจนว่ามรดกที่ได้เป็นทรัพย์สิน และหนี้สินอะไรบ้าง ส่วนในฝั่งผู้ที่ก่อหนี้ในช่วงอายุบั้นปลายชีวิตหากมีหนี้ก็ควรจะต้องบอกคนในครอบครัวหรือทายาทได้ทราบไว้ด้วยจะได้ตั้งหลักทัน และเพื่อที่จะได้ไปชดใช้เจ้าหนี้ให้เรียบร้อย และจะได้ไม่เป็นปัญหาเมื่อแบ่งมรดกไปแล้ว
แหล่งอ้างอิง : สำนักงานกิจการยุติธรรม https://justicechannel.org/read/debt-and-inheritance