การลงทุน = การวิ่งมาราธอน
กองทุนรวม1,338
การลงทุน = การวิ่งมาราธอน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ การวิ่งมาราธอน ไม่ว่า จะเป็นการแข่งขันในระยะ ฮาล์ฟ-มาราธอน (ระยะ 21.1 กิโลเมตร) หรือ ฟูล-มาราธอน (ระยะ 42.2 กิโลเมตร) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก สังเกตได้ที่สวนสาธารณะไม่ว่าจะเป็น ทั้งในตัวเมืองกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่น ที่จะมีผู้คนมาฟิตซ้อมจะอย่างตั้งใจ ในทุกตอนเช้า หรือตอนเย็นหลังจากทำงาน ดังนั้นแอดมินก็เลยอยากเอาข้อมูลมาเปรียบเทียบความเหมือนกันของทั้งสองอย่างนี้
ทั้งการลงทุน และการวิ่งมาราธอน สองอย่างนี้ล้วนต้องอาศัยความอดทน ความมุ่งมั่น มีแนวทางของตนเอง และการวางแผนในระยะยาว โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุน ที่ไม่สามารถคาดหวังผลลัพธ์ได้ในทันที ต้องมีเตรียมตัวและศึกษาเป็นอย่างดี รวมถึงต้องให้เวลากับสินทรัพย์ที่เราเอาเงินไปลงทุนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นนี่คิอเหตุผลที่การลงทุน เหมือนกับการวิ่งมาราธอน ในแง่หลายๆมุมด้วยกัน
1. ความอดทน
การวิ่งมาราธอนต้องใช้เวลานาน และความอดทนมาก นักวิ่งไม่สามารถเร่งความเร็วสูงสุดตั้งแต่เริ่มต้นได้ เพราะต้องรักษาพลังงานเพื่อวิ่งให้ถึงเส้นชัย เช่นเดียวกับการลงทุน คุณไม่สามารถคาดหวังผลตอบแทนสูงสุดได้ในระยะเวลาอันสั้น ต้องใช้เวลานานเพื่อให้เงินลงทุนเติบโตเต็มที่ รวมถึงต้องรับมือสภาพจิตใจของตัวเองในช่วงที่สภาพตลาดมีความผันผวน
2. การวางแผนและการเตรียมตัว
ก่อนจะถึงวันลงแข่งมาราธอน นักวิ่งต้องมีการฝึกซ้อม เตรียมตัวอย่างหนัก และต้องมีการไต่ระดับสะสมระยะทางการวิ่ง เพื่อให้ผลการแข่งขันติดอันดับ 1 ใน 3 หรือทำลายสถิติในการแข่งขัน การลงทุนก็ต้องมีการวางแผนเป็นอย่างดีเช่นกัน ต้องมีการวางแผนเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายอนาคต เช่น วางแผนการลงทุนเพื่อการเกษียณ การลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสด ต้องมีการศึกษาสินทรัพย์ก่อนที่จะเข้าไปลงทุน และความรู้ในการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม
3. การจัดการกับความผันผวนและอุปสรรค
ระหว่างทางในการวิ่งมาราธอน นักวิ่งจะพบกับช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า และอุปสรรคทางกายภาพ เช่น ปวดกล้ามเนื้อ หิวกระหายน้ำ เหนื่อยหอบจนควบคุมการหายใจไม่ทัน ดังนั้นนักวิ่งฯ จึงต้องอาศัยความพยายาม และจิตใจในความเป็นนักกีฬาที่จะไม่ยอมแพ้ การลงทุนก็มีลักษณะที่คล้ายกัน นักลงทุนต้องพบเจอกับความผันผวนของตลาด โดยเฉพาะวิกฤตทางเศรษฐกิจที่ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกและขายสินทรัพย์ออกในช่วงที่ตลาดกำลังตกต่ำ อาจทำให้สูญเสียเงินทุน ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องยึดมั่นในกลยุทธ์การลงทุนที่วางไว้ และรับมือกับความผันผวนอย่างมีสติ
4. การสร้างความมั่นคงในระยะยาว
ความสำเร็จในการวิ่งมาราธอนเกิดจากการรักษาพลังงานให้ได้ตลอดในการแข่งขัน ไม่รีบเร่งจนเกินไป สำหรับการลงทุนจะเกิดความสำเร็จได้ ต้องการลงทุนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพราะเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ผลตอบแทนจะเติบโตเป็นทวีคูณหากมีการทบต้นในระยะยาว โดยไม่ถอนเงินออกจากพอร์ตการลงทุนมาใช้ก่อนถึงเวลาที่เหมาะสม
5. การปรับตัวและการเรียนรู้
นักวิ่งมาราธอนที่ดีมักเรียนรู้จากประสบการณ์ ทั้งของตัวเองและนักวิ่งมากฝีมือคนอื่นๆ เกี่ยวกับวิธีการวิ่งเพื่อประหยัดแรง การกินอาหารที่เหมาะสม รวมถึงการป้องกันอาการบาดเจ็บจากการวิ่ง การลงทุนก็เช่นกัน นักลงทุนต้องเรียนรู้จากตลาด ศึกษาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจ ที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับตัวและอยู่รอดได้ในระยะยาว
สรุป การลงทุนเหมือนกับการวิ่งมาราธอนในแง่ของ การใช้ความอดทน การวางแผนอย่างรอบคอบ และการเตรียมความพร้อมของจิตใจเพื่อรับมือความผันผวน โดยทั้งสองกิจกรรมต้องอาศัยการทำงานอย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายชัดเจน คาดหวังความสำเร็จในระยะยาว หากปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้ ไม่ว่าท่านจะเป็นนักวิ่งปอดเหล็ก หรือนักลงทุนก็สามารถบรรลุเป้าหมายได้ในอนาคต