เทคนิคการจัดพอร์ตลงทุนแบบ Core and Satellite คว้าโอกาสระยะสั้น มั่นคงระยะยาว
กองทุนรวม14
เทคนิคการจัดพอร์ตลงทุนแบบ Core and Satellite คว้าโอกาสระยะสั้น มั่นคงระยะยาว
วันนี้ 724 Wealth จะพาทุกคนมารู้จักกับ การจัดพอร์ตการลงทุนแบบ Core and Satellite Portfolio ซึ่งเป็นหนึ่งกลยุทธ์การจัดพอร์ตที่ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งการลงทุนแบบ Core and Satellite เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่แบ่งการลงทุนออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่
- Core (พอร์ตหลัก): เป็นส่วนที่สำคัญของพอร์ตการลงทุน ซึ่งมีสัดส่วนเงินลงทุน 60 - 80% ที่มีการลงทุนด้วย
กลยุทธ์เชิงรับเพื่อหวังผลตอบแทนของสินทรัพย์ใกล้เคียงดัชนี หรือมีการเติบโตอย่างมั่นคง เช่น กองทุนรวมดัชนี (Index Fund) หรือหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคง มีการกระจายความเสี่ยงที่ดี ซึ่งเป็นการลงทุนในระยะยาวและต้องการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ- วัตถุประสงค์ : เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนพอร์ตบ่อยครั้ง
- สินทรัพย์ที่เหมาะสม : หุ้นบริษัทขนาดใหญ่, กองทุนดัชนี (ETF), กองทุนรวมตราสารหนี้
- Satellite (พอร์ตรอง): เป็นส่วนเสริมของพอร์ตการลงทุน มีสัดส่วนเงินลงทุน 20 - 40% ที่มีการลงทุนด้วยกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อหวังผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี หรือสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตสูง เช่น หุ้นขนาดเล็ก, หุ้นในตลาดเกิดใหม่, สินทรัพย์ทางเลือก (Alternative assets) อย่างเช่น ทองคำ หรือสกุลเงินดิจิทัล โดยส่วนนี้มักใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะสั้นหรือเพื่อปรับพอร์ตตามสภาวะตลาด
- วัตถุประสงค์ : เพื่อเพิ่มผลตอบแทนในระยะสั้น หรือการเก็งกำไร
- สินทรัพย์ที่เหมาะสม : หุ้นบริษัทขนาดเล็ก, สินทรัพย์ทางเลือก
ประโยชน์ของการลงทุนแบบ Core and Satellite:
- ช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดี
- ทำให้พอร์ตการลงทุนมั่นคงในระยะยาวจากแกนหลัก และเพิ่มโอกาสการเติบโตจากพอร์ตรอง
- ปรับพอร์ตได้ง่ายเมื่อสภาวะตลาดเปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตามการลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่านักลงทุนจะจัดพอร์ตรูปแบบไหน กระจายความเสี่ยงดีแค่ไหนก็ตาม ก็มีโอกาสขาดทุนจากการลงทุน
สรุป การลงทุนแบบ Core and Satellite จะเน้นการสร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงและการเติบโตของพอร์ต
โดยการจัดสรรเงินลงทุนในส่วนที่มั่นคงเป็นหลัก และลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสสูงขึ้นตามความเหมาะสมของสภาวะเศรษฐกิจหรือการเปลี่ยนแปลงในตลาด