วางแผนชีวิตและการเงินอย่างไร หากถูกเลิกจ้างแบบไม่คาดคิด
ทั่วไป22

วางแผนชีวิตและการเงินอย่างไร หากถูกเลิกจ้างแบบไม่คาดคิด
ในยุคที่เศรษฐกิจถดถอย หลายธุรกิจเกิดความไม่แน่นอน ที่น่าใจหายคือบางองค์กรมีการลดค่าใช้จ่ายรวมถึงการเลิกจ้างพนักงาน เหตุการณ์แบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นกันได้กับทุกคน แต่ไม่ใช่จุดจบของทุกอย่าง หากเรารู้จักตั้งสติ ตั้งหลัก วางแผน และหาทางออกที่ถูกต้อง อย่าปล่อยให้ความเครียดนำพาให้คุณตัดสินใจผิด คิดเสียว่า “วิกฤต” มักมาพร้อม “โอกาส” เสมอ ในวันที่คุณขาดรายได้ประจำอย่าลืมว่าคุณยังมีทางเลือกอื่น และเมื่อจัดการกับสภาพจิตใจเรียบร้อยแล้วมาเตรียมตัวหาโอกาสใหม่ ๆ
หากคุณยังไม่ถูกเลิกจ้าง..ก็กันไว้ก่อน
สำหรับท่านใดที่ยังคงสถานะเป็นลูกจ้างอยู่ควรต้องมีการออมเงิน เผื่อหน้าลูกเต๋าที่เรียกว่า “ถูกเลิกจ้าง” ดันออกมาที่คุณ เช่น
-
ควรมีเงินสดสำรองไว้ประมาณ 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน เพื่อให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและเผื่อไว้สำหรับกรณีฉุกเฉิน
-
ควรนำเงินบางส่วนมาลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง เช่น สลากออมทรัพย์ กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ หรือกระจายการลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับที่น่าลงทุน (Investment Grade)
-
ควรมีวินัยและวางแผนในการใช้จ่ายเพื่อให้มีเงินเพียงพอจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตโดยการวางแผนเกษียณตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ควรใช้จ่ายเกินกว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ได้รับจนต้องมีการกู้หนี้ยืมสิน
เมื่อถูกเลิกจ้างหรือว่างงาน ต้องทำอย่างไรบ้าง
1. ขึ้นทะเบียนคนว่างงาน
ซึ่งเราสามารถขึ้นทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย แต่ก่อนที่อื่น เราต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนลงทะเบียนดังนี้
-
แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส. 2-01/7) สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ : แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน
-
บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนาบัตรประชาชน
-
รูปถ่าย 1 นิ้ว 1 รูป (ไม่เกิน 6 เดือน)
-
หนังสือรับรองการออกจากงานหรือแบบแจ้งลาออกจากงาน (สปส. 6-09) (ถ้ามี)
-
หนังสือคำสั่งนายจ้างให้ออกจากงาน (ถ้ามี)
-
สำเนาหน้าสมุดบัญชีเงินฝาก ประเภทออมทรัพย์ โดยชื่อในหน้าสมุดบัญชีต้องเป็นชื่อผู้ประกันตนเท่านั้น
เมื่อเตรียมเอกสารพร้อมแล้ว สามารถส่งเอกสารไปที่สำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ที่เราอยู่ได้เลย ต้องแจ้งประกันสังคมเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ว่างงานภายใน 30 วันตั้งแต่ออกจากงาน เพราะตามเงื่อนไขของประกันสังคม ผู้ที่ส่งเงินสมทบติดต่อกัน 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนว่างงาน จะสามารถรับเงินชดเชยได้ในจำนวน 50% ของรายได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน ส่วนคนที่ลาออกก็ได้สิทธิ์นี้เช่นกัน โดยจะได้รับชดเชย 30% เป็นเวลา 3 เดือน
2. ตรวจสอบสิทธิหลังว่างงาน
อย่าลืมตรวจสอบสิทธิของเราในช่วงว่างงานด้วย เพราะสิทธิเหล่านั้นอาจมี “เงิน” และ “โอกาส” ของเราอยู่นั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นใบรับรองการผ่านงาน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินชดเชยจากบริษัทซึ่งเป็นสิ่งที่นายจ้างต้องจ่ายให้กับพนักงานหรือลูกจ้างเพื่อช่วยเหลือในกรณีให้ออกจากงานที่ไม่ได้มาจากความผิดของพนักงาน โดยเฉพาะในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อย่าลืมจัดการเงินสะสมไว้ในแต่ละเดือนโดยมีนายจ้างช่วยสมทบให้ โดยสามารถเลือกระหว่างปิดกองทุนแล้วรับเป็นเงินก้อน แต่จะต้องถูกหักภาษีตามเงื่อนไขเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย หรือจะเลือกย้ายกองทุนไปอยู่ที่บริษัทใหม่ก็ได้ แต่สำหรับใครที่ว่างงานแต่มีเงินสำรองเพียงพอต่อชีวิตประจำวัน แนะนำให้เลือกคงเงินไว้กับกองทุนเดิม แล้วค่อยรอรับเงินก้อนตอนอายุ 55 ปี อาจดีกว่า เพราะเราจะได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับเงินที่ได้รับจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
3. อัพเดท CV หรือ Resume ของท่าน แล้วไปต่อ
รวบรวมเอกสารรับรองการผ่านงาน ใบรับรองหลักสูตรพัฒนาทักษะหรือความรู้ ผลงานที่เคยทำให้องค์กรในอดีตที่เคยร่วมงาน รวมถึงบางสายงานต้องใช้ผลสอบหรือใบอนุญาตด้วย อาจต้องเตรียมตัวสอบให้ผ่าน เพื่อใช้ในการสมัครงานต่อจากนี้ในอนาคต อย่ามัวชักช้าล่ะ เพราะโอกาสหางานใหม่บางทีก็มีเวลาให้น้อย
4. หารายได้เสริม
แม้รายได้ประจำของคุณหยุด แต่ค่าใช้จ่ายประจำไม่เคยหยุด ดังนั้นอาจต้องมีการหารายได้เสริม เพราะการสมัครสมาชิก 724 Market เป็นแพลตฟอร์มประกันออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้หารายได้เสริมได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากท่านที่เป็นตัวแทนหรือนายหน้าประกันภัย สามารถสร้างรายได้จากค่าคอมมิชชันที่ได้รับจากการขายประกันประเภทต่าง ๆ เช่น ประกันรถยนต์ ประกันกลุ่ม หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีเงินลงทุนก้อนใหญ่ ไม่ต้องหาที่ไว้เพื่อสต็อกสินค้าหรือหารถกระบะมาขนของ และยังสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้เป็นอาชีพเสริมหรืองานประจำได้เลย
ที่กล่าวมาเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวของชีวิตของพนักงานเงินเดือนเท่านั้น เพราะไม่มีใครที่จะว่างงานไปตลอด ดังนั้นแล้วเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่คาดคิด ทางเราขอแนะนำว่าให้มีสติและรู้จักวางแผนสำรองอย่างการทำอาชีพเสริมนั่นเอง หากมีการปรับใช้แนวทางเหล่านี้ ก็จะสามารถรับมือการว่างงานและขาดรายได้ประจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานประกันสังคม https://www.sso.go.th/wpr/