724 Wealth

มารู้จักกับคุณ “ไมเคิล เบอรรี่” ผู้ทำนายวิกฤตอสังหาฯอเมริกา

มารู้จักกับคุณ “ไมเคิล เบอรรี่” ผู้ทำนายวิกฤตอสังหาฯอเมริกา

ด็อกเตอร์ไมเคิล เบอร์รี่ อดีตนายแพทย์ที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการกองทุน โดยสามารถทำกำไรก้อนโตในช่วงตลาดอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกาพังทลายในปีค.ศ. 2008 จากนั้นเรื่องราวของเขาและรายละเอียดของวิกฤตการเงินซับไพรม์ยังถูกนำไปตีพิมพ์ในหนังสือ “The big Short : Inside The Doomsday Machine” โดย ไมเคิล ลูอิส และ ถูกนำไปสร้างภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง “The Big Short”

ไมค์ หรือ ไมเคิล เจมส์ เบอร์รี่ เกิดวันที่ 19 มิถุนายน 2514 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เขาได้เสียดวงตาของตัวเองไปตอนอายุ 2 ขวบ จากการผ่าตัดมะเร็งในดวงตา เเละใส่ตาปลอมในข้างที่ผ่าตัดไป ซึ่งทำให้เขามีปัญหาเรื่องบุคลิกภาพ ชอบเก็บตัว ประกอบกับ โรคเเอสเพอร์เกอร์ซินโดรม ที่เขาเป็น ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ โรคออทิสติก เวลาเขาทำอะไร หรือสนใจอะไร ก็จะหมกหมุ่น เป็นอย่างมาก

โดย ไมเคิล เรียนจบปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ ที่ UCLA เเละไปเรียนต่อ คณะเเพทย์ ที่มหาวิทยาลัยเเวนเดอร์บิลต์ เเละได้ไปทำงานเป็นเเพทย์ฝึกหัด 3 ปี ก่อนจะลาออกเพื่อเปลี่ยนสายอาชีพมาเข้าสู่สายการลงทุนอย่างเต็มตัว

เส้นทางผู้จัดการกองทุน

ดร.ไมค์ ได้ตั้งกองทุนชื่อว่า Scion Capital จากมรดกเล็กๆของครอบครัว เเละเงินที่รวบรวมได้จากคนที่เชื่อในแนวคิดการลงทุนของเขา ประมาณ 1 ล้านเหรียญ จากนั้นเขาก็ได้ทำให้กองทุนเติบโต 55% ในปีเเรกดีกว่าหากเทียบกับดัชนี S&P 500 ซึ่งติดลบกว่า 11.8% เเละสามารถทำผลตอบเเทนชนะตลาดมาได้เรื่อยๆ จนกระทั่งเปิดกองทุนมาได้ 5ปี ก็ทำผลตอบเเทนไป 242%

 

ตำนวนแห่งวอลล์สตรีท The Big Short

ในช่วงปี 2005 เขาก็ได้ไปพบกับความผิดปกติในตลาดหุ้นกู้ที่มีที่มีอสังหาริมทรัพย์มาค้ำประกัน และอนุพันธ์ตราสารหนี้ของสินเชื่อกลุ่ม subprime อีกทั้งยังพบความมักง่ายในการปล่อย สินเชื่อ ของธนาคารหลายแห่ง ดร.ไมค์ จึงได้ทำการ Short (เก็งกำไรฝั่งขาลง) ตลาดอสังหาฯ ผ่านตราสาร credit default swap ซึ่งจะคล้ายการรับประกันตราสารหนี้ หากมีการผิดชำระหนี้ ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนักลงทุน ของกองทุนที่ ไมเคิล ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุนอยู่ เนื่องจากไม่แน่ใจว่าตลาดอสังหาฯ จะล่มจริงๆ จนมีบางนักลงทุนบางส่วนถอนทุนออกจากกองทุนทันที หลังจากทราบนโยบายดังกล่าว

 

สุดท้ายสิ่งที่ไมค์คาดการณ์ไว้ก็เกิดขึ้น เเม้ว่าจะต้องใช้เวลาถึง 3 ปี กว่าเกิดวิกฤติอสังหาฯ Subprime เพราะการปล่อยหนี้อย่างหละหลวมและมักง่าย เมื่อเกิดการขึ้น ดอกเบี้ย หนี้เหล่านี้ก็กลายเป็น หนี้สูญเต็มไปหมดในเพียงชั่วข้ามคืน ทำให้ ไมเคิล เบอร์รี่ ทำกำไรจากการล่มสลายของระบบการเงินครั้งนี้เป็นจำนวน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 3,000 ล้านบาท สำหรับพอร์ทการลงทุนส่วนตัว และทำเงินให้กับนักลงทุนของกองทุนที่เขาดูแลอยู่ถึง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

สุดท้ายนี้หากผู้มีเงินออม อยากลองผันตัวมาเป็นนักลงทุนอย่างคุณหมอไมค์ละก็ สามารถปรึกษาเรื่องการลงทุนหรือเปิดบัญชีลงทุนได้ที่ Line ID : @724Wealth

 

 

ที่มา : Facebook เพจ คุยการเงินกับที และ เว็บไซต์ www.thepeople.com