ข้อมูลทางเลือก ที่สามารถนำมาวิเคราะห์หุ้นได้
หุ้น18

ข้อมูลทางเลือก ที่สามารถนำมาวิเคราะห์หุ้นได้
ในยุคเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล หรือ Digital Transformation มีข้อมูลมหาศาลถูกสร้างขึ้นในแต่ละวัน ทำให้นักลงทุนทั้งรายย่อยรายใหญ่ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจก่อนลงทุน ซึ่งในปัจจุบัน มีตัวเลข และข้อมูลมากมายที่แม้จะไม่ใช่ "ข้อมูลงบการเงิน" ของบริษัทแต่ก็สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์หุ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ สิ่งเหล่านี้มักถูกเรียกว่า "ข้อมูลทางเลือก" (Alternative Data) ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเชิงพฤติกรรม ข้อมูลเชิงคุณภาพ ปัจจัยแวดล้อม เป็นต้น
ข้อมูลทางเลือกที่รับรู้มา ใช่ว่าจะสามารถหยิบจับมาใช้งานได้เลย ต้องผ่านกระบวนการคัดกรอง พิจารณาอีกทีว่าเป็นข้อมูลลวง หรือข้อมูลจริงที่อาจกระทบต่อภาพรวมของตลาด หรือกระทบกับบริษัทโดยตรง ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับนักลงทุน ในการนำข้อมูลที่มีมาวิเคราะห์ควบคู่กับข้อมูลพื้นฐานของบริษัทได้อย่างมีเหตุมีผล ซึ่งต่อไปนี้คือตัวอย่างของข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลการเงิน แต่สามารถนำมาวิเคราะห์หุ้นได้:
1. ปริมาณการค้นหาบนอินเตอร์เน็ต (Search Volume)
- แหล่งข้อมูล: เช่น Google Trends, Wordstream
- ตัวอย่าง: ข้อมูลจำนวนการค้นหาเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนอย่าง iPhone รุ่นใหม่ล่าสุด หรือสินค้าของบริษัท Apple ที่พุ่งสูงขึ้นที่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าความต้องการสินค้าแบรนด์ iPhone จะพุ่งสูงขึ้นเช่นกัน จะส่งผลดีต้อหุ้น ของบริษัท Apple
2. จำนวนการ Mention หรือ แฮชแท็กบนโซเชียลมีเดีย
- แหล่งข้อมูล: เช่น Twitter, Reddit, Pantip
- เป็นข้อมูลใช้วิเคราะห์แนวโน้มระยะสั้น: อย่างหุ้นที่ถูกพูดถึงมากในเชิงบวกในโซเชียลมีเดีย แสดงถึงโอกาสเข้าซื้อหุ้นที่ถูกพูดถึงในเวลานั้นจากนักเก็งกำไร มีโอกาสทำให้ราคาขึ้นในระยะสั้น แต่ในทางกลับกันหุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่มักซื้อขายกันตามข่าวลือ จึงต้องใช้วิจารณญาณและต้องมีความระมัดระวังในการลงทุน เช่น กรณีหุ้น GameStop โด่งดังมากในปี 2564 จากการรวมพลของนักลงทุนรายย่อยใน เว็บ Reddit ที่ช่วยกันดันราคาหุ้น จนเอาชนะบรรดากองทุนและนักลงทุนสถาบัน ที่กำลังชอร์ตเซลหุ้นตัวนี้
3. ข้อมูลสภาพอากาศ
- แหล่งข้อมูล: เช่น ประกาศจากอุตุนิยมวิทยาของประเทศต่างๆ
- ตัวอย่าง: ในช่วงที่อากาศร้อนจัดส่งผลต่อความต้องการซื้อเครื่องปรับอากาศ โรงไฟฟ้าเอกชน หรือเครื่องดื่มที่สร้างความสดชื่นอย่าง Soft drink จะส่งผลดีต่อบริษัทผู้ผลิตอย่างเช่น Coca-Cola, Carrier, Gulf Energy
4. จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเดินประเทศ / จำนวนเที่ยวบิน
- แหล่งข้อมูล: เช่น ข้อมูลจากเว็บไซต์กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
- เป็นข้อมูลที่ใช้วิเคราะห์ธุรกิจขนส่ง / ธุรกิจในอุตสาหกรรมบริการ: เช่น สถิตินักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศ จะส่งผลต่อธุรกิจสายการบิน, สนามบิน, โรงแรม อย่างมีนัยยะสำคัญ
5. พฤติกรรมของผู้บริหาร (Management Behavior)
- เป็นปัจจัยที่มีผลต่อราคาหุ้นในระยะกลางและระยะยาว: เพราะไม่ว่าจะเป็นลักษณะนิสัย พฤติกรรมของผู้บริหาร หรือผู้นำขององค์กร ที่จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ รวมถึงวิสัยทัศนของบริษัท และที่สำคัญส่งผลต่อราคาหุ้นด้วย
- ตัวอย่าง: ในช่วงปี ค.ศ. 2018 หุ้นของบริษัท Tesla ร่วงลงกว่า 6% ในวันถัดไปหลังจากที่ผู้บริหารคนดังอย่าง นาย อีลอน มัสค์ สูบบุหรี่ที่ผสมกัญชาในระหว่างออกอากาศ Podcast กับรายการวิทยุรายการหนึ่งในสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนมีความกังวลเรื่องภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และธรรมาภิบาล (Corporate Governance) ต่อนาย อีลอน มัสค์
6. จำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น หรือลดลง
- การเติบโตเชิงปริมาณ: การเปิดสาขาเพิ่มอาจสะท้อนว่าบริษัทกำลังขยายฐานลูกค้า โดยเฉพาะในธุรกิจร้านอาหาร-เครื่องดื่ม ค้าปลีก แฟรนไชส์ จะบ่งชี้ว่ายิ่งเปิดเยอะธุรกิจยิ่งโต แต่นักลงทุนอย่าลืมดูยอดขายต่อสาขา หรือระยะเวลาคืนทุนนับจากเวลาที่เปิดสาขาใหม่ ควบคู่กันไปด้วย
- ประโยชน์ของการลดสาขา: ในปัจจุบัน รูปแบบการเพิ่มช่องทางการให้บริการมีการพัฒนาขึ้นโดยใช้ช่องทางออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นทางเลือกอย่างการลดจำนวนสาขาของธุรกิจ อาจช่วยลดต้นทุนของกิจการได้ด้วย อย่างเช่นการนำระบบธุรกรรม ฝาก-ถอนเงิน ผ่านช่องทางออนไลน์ของธุรกิจธนาคาร ควบคู่กับการลดสาขา ที่ช่วยในการลดต้นทุนรวมถึงพัฒนารูปแบบการบริการให้เข้ากับยุคสมัย
จะเห็นได้ว่าข้อมูลทางเลือก ที่ใช้ในการวิเคราะห์หุ้นตามที่กล่าวมา เป็นการคาดการณ์ต้องอาศัยประสบการณ์ แต่ก็เป็นส่วนเสริมที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจในการลงทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากใช้ควบคู่กับข้อมูลพื้นฐานของบริษัท เพื่อให้เห็นโอกาสและความเสี่ยงของหุ้นที่เราจะลงทุนได้ละเอียดมากขึ้น
และสำหรับใครที่อยากเริ่มลงทุนในหุ้นสามารถติดต่อมายังทีมงาน 724 Wealth เพื่อให้เราช่วยอำนวยความสะดวกได้ที่ Line ID : @724Wealth หรือคลิ๊ก https://lin.ee/N1IQLH5