บทความ

ความจำเป็นของประกันภัยรถยนต์

ความจำเป็นของประกันภัยรถยนต์

วันนี้เราจะมาพูดถึงความจำเป็นของประกันภัยรถยนต์ จากประสบการณ์ตรงของญาติผู้เขียนเอง เนื่องจากรถยนต์ที่ใช้งานไม่ได้ทำประกันภัยภาคสมัครใจไว้เลย มีเพียงแค่ พ.ร.บ.หรือ ประกันภัยภาคบังคับเท่านั้น

วันหนึ่งได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นขับรถอยู่บนถนนดี ๆ รถข้างหน้าได้เบรกกะทันหัน ญาติเราซึ่งขับรถตามหลังมา เบรกไม่ทัน จึงได้ชนท้ายเขาอย่างจัง ทำให้รถเขาพังและรถเราก็พังด้วย แน่นอนครับ ส่วนใหญ่แล้วรถข้างหลังมักเป็นฝ่ายผิด เพราะเป็นฝ่ายที่ขับไม่เว้นระยะให้อยู่ในช่วงที่สามารถเบรคได้ในกรณีฉุกเฉิน กรณีนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ในเมื่อเราไม่มีประกันภัยภาคสมัครใจ เราก็ต้องรับผิดชอบให้คู่กรณี ที่เราเป็นฝ่ายไปชนท้ายเขา หรือเรียกอีกอย่างว่าเราเป็นฝ่ายละเมิดเขา ก็ต้องเข้าอู่เพื่อตีราคาประเมินค่าซ่อม โชคดีที่เป็นรถกระบะเอเชียทั่วไป ไม่ใช่รถหรูหรือรถยุโรป ราคาค่าซ่อมรถคู่กรณีจึงอยู่ที่ 11,500 บาท

ส่วนรถญาติเรานั้น หม้อน้ำแตกต้องเปลี่ยนหม้อน้ำ แล้วก็เคาะทำสีในส่วนของกระจังหน้า ซึ่งเราต้องจ่ายค่าซ่อมเองจึงหมดค่าซ่อมไปอีก 40,000 บาท ในกรณีนี้ถ้ารถญาติของเรา ทำประกันชั้น 3 ไว้ ทั่วไปราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ประมาณ 1,800-2,500 บาท ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ประกันภาคสมัครใจจะทำงานในส่วนความรับผิดชอบคู่กรณีคือคนที่เราไปละเมิดหรือคนที่เราชนท้ายเขาให้ ซึ่งตามวงเงินค่าซ่อมแล้ว 11,500 บาท เรียกได้ว่าเพียงพอแล้ว ส่วนรถญาติเรา ต้องซ่อมเอง แต่ถ้าทำประกันชั้น 5(3+)หรือที่หลาย ๆ คนเรียก สามพลัส หรือสามบวก ถ้าเกิดกรณีแบบนี้ขึ้นเช่นเดียวกัน ประกันจะซ่อมให้ทั้งคู่กรณีที่เราเป็นฝ่ายละเมิดรวมถึงซ่อมรถของเราด้วย ซึ่งตอนนี้ราคาประกันชั้น 5 หรือ 3 พลัสนั้นก็ไม่ได้แพงมากมาย เริ่มต้นกันที่ราคา 4,900 บาท เรามองดูแล้ว 4,900 บาทต่อปี ถ้ากรณีของญาติของเราทำประกัน 3+ ไว้ 4,900 บาท ก็จะไม่ได้เสียเงิน จำนวน 51,500 บาทนี้เลย

แบบนี้จะเรียกว่า เสียน้อยเสียยาก...เสียมากเสียง่ายก็ได้ครับ

ทุกคนคงคิดกันใช่ไหมว่า ประกันภัยภาคสมัครใจ จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว แต่ถ้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งปีเลย เราอาจจะมองว่า เราจ่ายเบี้ยประกันทิ้งๆไปเฉย ๆ น่าเสียดาย เอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่า เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คิดแบบนี้

แต่อย่าลืมนะครับ อุบัติเหตุมักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา กรณีนี้ถ้ารถที่เราไปชนท้ายเขา ไม่ใช่รถกระบะหรือรถเก๋งเอเชีย หรือรถตลาดทั่ว ๆ ไปที่เราเห็น แต่หากเป็นรถยุโรป หรือรถหรู ๆ ราคาหลักหลายสิบล้านบาท จนถึงหลักร้อยล้านบาท รับรองครับ ความเสียหายที่ต้องรับผิดชอบให้คู่กรณีจะไม่ใช่ 11,500 บาท อาจจะเป็นหลักล้านก็เป็นได้ ซึ่งถ้าเป็นรถหรูค่าซ่อมราคาหลักล้านจนถึงหลายสิบล้าน ตามที่เห็นเป็นข่าวคลิปดัง ๆ ในปีที่ผ่านมา ไม่แน่เราอาจจะต้องขายรถเรา หรือทรัพย์สินอื่นเพื่อไปซ่อมรถให้คู่กรณีก็ได้

เห็นแล้วใช่ไหมว่าประโยชน์ของประกันภัยภาคสมัครใจมีค่าแค่ไหนในวันที่เราจำเป็นต้องใช้
จึงเป็นที่มาของวลีที่ว่า ประกันภัยมีแล้วไม่ได้ใช้… ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี


 

บทความโดย
คุณปิยะ วิจิตร และ คุณวงค์เดือน วิจิตร
ตัวแทนและนายหน้าผู้ให้คำปรึกษางานประกันวินาศภัย หจก.เทวาวิจิตร