บทความ

8 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเล่นหุ้น

8 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเล่นหุ้น

“หุ้น” คำนี้ทุกคนคงรู้จัก คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วว่าเป็นสินทรัพย์ลงทุนประเภทหนึ่ง ที่เป็นที่นิยมกันมาก ปัจจุบันมีคนสนใจเล่นหุ้นเป็นอย่างมากเริ่มตั้งแต่นักศึกษาไปจนถึงวัยเกษียณ เพราะหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดีและสามารถลงทุนได้ด้วยเงินหลักพันบาท แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่นหุ้นกันอย่างไร จะหาข้อมูลข่าวสารจากที่ไหน วันนี้ 724 จะมาแนะนำ 8 สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเริ่มเล่นหุ้น สำหรับมือใหม่ เรามาเริ่มกันเลยค่ะ

1. รู้จักตัวเองก่อนลงทุนใน “หุ้น”

โดยคำถามง่าย ๆ ที่เราจะต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนที่จะเริ่มลงทุนใน “หุ้น” เลย ก็คือ

  • เป้าหมายการลงทุนของเรา คืออะไร ?

เราต้องรู้ก่อนว่าเราลงทุนในหุ้นไปเพื่ออะไร เป้าหมายคืออะไร และคนที่จะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดก็คงเป็นตัวเราเอง เช่น ลงทุนเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ยามเกษียณ การเลือกลงทุนในหุ้นที่บริษัทกำลังเติบโต ราคาผันผวนมากๆคงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี ควรเลือกลงทุนในหุ้นที่พื้นฐานดี บริษัทมีความมั่นคงและมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ แบบนี้จะเหมาะกับเรามากกว่า

  • ความเสี่ยงที่เรายอมรับได้

การลงทุนในตลาดหุ้นมันให้ผลตอบแทนที่ดีก็จริง แต่อย่าลืมว่ามันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน ฉะนั้นอีกหนึ่งอย่างที่เราต้องรู้จักตัวเอง คือ เราสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน หลายคนคงมีคำถามแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรายอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ตรงนี้ตอนที่เราเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์เค้าจะมีแบบประเมินความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงให้เราทำอยู่แล้ว

2. “หุ้น” คืออะไร?

หุ้น คือ สิ่งที่แสดงความเป็นเจ้าของกิจการหนึ่ง ๆ การที่เราเข้าไปซื้อหุ้นในบริษัทใด หมายความว่า ยิ่งมีหุ้นมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่ง มีสิทธิในความเป็นเจ้าของมากเท่านั้น

3. ตลาดหุ้นคืออะไร?

  • เปรียบเสมือนตัวกลางในการซื้อขาย เป็นแหล่งที่ทำให้ผู้ที่ต้องการเงินทุน (บริษัท) กับผู้ที่มีเงินทุนเหลือ (นักลงทุน) มาเจอกัน ซึ่งตลาดหุ้นไทยจะมีชื่อว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET โดยไทยยังสามารถแบ่งตามมูลค่าราคาตลาด (Market Capital) และสภาพคล่องในการซื้อขายเป็น 2 กลุ่ม คือ
  • SET50 คือ หุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capital) และ สภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 50 อันดับแรก
  • SET100 คือ หุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capital) และ สภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุด 100 อันดับแรก

สำหรับมือใหม่แนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่ใน SET50 ก่อน เพราะหุ้นในกลุ่มนี้เพราะเป็นหุ้นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง

เวลา เปิด – ปิด ของตลาดหลักหลักทรัพย์ไทย แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ

  • ช่วงเช้า เปิดระหว่าง 09.55 – 10.00 น. ถึง 12.30 น.
  • ช่วงบ่าย เปิดระหว่าง 14.25 – 14.30 น. ถึง 16.35 – 16.40 น.

4. หุ้นขึ้นหรือลงด้วยเงื่อนไขอะไร?

ราคาหุ้นจะขึ้นจะลง ขึ้นอยู่กับความต้องการซื้อ- ขายของนักลงทุน เช่นเดียวกันกับกลไกทางการตลาดของสินค้าอื่น ๆ ดังนั้นราคาหุ้นในแต่ละวันจึงไม่เท่ากัน หรือที่เรียกว่า “ราคาตลาด” และการตัดสินใจซื้อ-ขายของนักลงทุนแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันแล้วแต่มุมมองและการวิเคราะห์ จึงทำให้ราคาของหุ้นขึ้นลงได้ตามอุปสงค์- อุปทาน ในช่วงนั้นๆ

5. ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นมีกี่แบบ

ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นมีอยู่ 2 แบบ ด้วยกัน คือ

  • กำไรจากส่วนต่างราคา (Capital Gain)

ผลตอบแทนส่วนนี้ก็คือ การซื้อถูกไปขายแพงแล้วเราก็จะได้ “กำไร” (Capital Gain) แต่ถ้าเราซื้อแพงแล้วไปขายถูกเราก็จะ “ขาดทุน” (Capital Loss) นั่นเอง

  • กำไรจากเงินปันผล (Dividend Yield)

ผลตอบแทนส่วนนี้จะเป็นส่วนแบ่งจากกำไรของบริษัทที่ทำได้ บริษัทจะจ่ายหรือไม่จ่ายปันผลก็ได้ และจ่ายในรูปแบบเงินสดหรือหุ้นก็ได้ เราสามารถดูนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัท แต่การที่บริษัทไม่จ่ายเงินปันผล ไม่ได้หมายความว่าบริษัทนั้นขาดทุนบริษัทอาจกำไรก็ได้ แต่บริษัทนำกำไรที่ได้กลับไปลงทุนขยายกิจการเพิ่มเติม ซึ่งผลกำไรนั้นจะสะท้อนอยู่ในราคาของหุ้นหรือกำไรจากส่วนต่างราคาแทน

6. จะเล่นหุ้นได้ต้องมีพอร์ตหุ้น

การที่เราจะเล่นหุ้นได้เราต้องมีบัญชีซื้อ-ขายหุ้นหรือเรียกว่า “พอร์ตหุ้น” โดยเราสามารถเปิดบัญชีได้กับโบรกเกอร์ซึ่งคล้าย ๆ การเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งพอร์ตหุ้นโดยทั่วไปจะมีอยู่ 3 แบบ ด้วยกัน คือ

  • บัญชี Cash Account

เป็นบัญชีที่เราวางเงินไว้ในพอร์ตแค่ 20% ก็สามารถซื้อหุ้นได้แล้วแต่ต้องนำเงินมาชำระภายใน 2 วันทำการหลังจากซื้อหุ้น (T+2)

  • บัญชี Cash Balance

เป็นบัญชีที่เราต้องนำเงินฝากเข้าใปในพอร์ตก่อน ถึงจะทำการซื้อขายหุ้นได้ เราโอนเงินเข้าไปเท่าไหร่ ก็สามารถเทรดได้เท่านั้น วิธีนี้เหมาะกับมือใหม่มากๆ ทำให้เราเล่นหุ้นจนไม่เกินตัว เพราะมีเงินเท่าไหร่เราก็เล่นได้เท่านั้น แถมถ้าไม่ได้เทรด แต่ทิ้งเงินไว้ในบัญชีหุ้นเฉย ๆ ก็ยังได้ดอกเบี้ยอีกด้วย

  • บัญชี Credit Balance

เป็นบัญชีที่เราไม่ต้องนำเงินของเราทั้งหมดมาลงทุน สามารถกู้ยืมจากโบรคเกอร์ได้ โดยแต่ละโบรกเกอร์จะกำหนดจำนวนเงิน ขั้นต่ำที่เราต้องวางเป็นหลักประกันในการกู้ยืม แต่โบรกเกอร์ไม่ได้ให้เรากู้ฟรี ๆนะ จะมีการคิดดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้

 

7. รู้จักชื่อหุ้น

ก่อนที่เราจะซื้อขายหุ้น เราควรจะรู้จะชื่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก่อน เพราะบางทีชื่อบริษัทที่เรารู้จักคุ้นหู อาจจะใช้ชื่ออีกชื่อนึงในตลาดหลักทรัพย์ก็ได้

โดยเราสามารถไปหาชื่อหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ได้ที่ https://www.set.or.th วิธีค้นหาคือ คลิกที่แว่นขยายตรงช่อง Get Quote แล้วไล่ดูหุ้นที่เราต้องการทราบ หรือถ้าพอคุ้นๆชื่อหุ้นก็พิมพ์ค้นหาที่ช่อง Get Quote ได้เลย

8. รู้จักเครื่องหมายต่างๆ

เราเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางครั้งถึงมีตัวอักษรภาษาอังกฤษจำนวน 2 ตัวขึ้นมา มันหมายถึงอะไร ?? ตัวอักษรเหล่านั้น หมายถึง เครื่องหมายแสดงการไม่ได้รับสิทธิต่างๆของนักลงทุนอย่างเรานั่นเอง

ตัวอย่างเช่น เราต้องการจะซื้อหุ้น BANPU แต่พอเข้าไปดูข้อมูลหุ้นแล้วเจอเครื่องหมาย XD ก็จะหมายความว่าถ้าเราซื้อหุ้น BANPU ในวันที่ขึ้นเครื่องหมาย เราก็จะไม่ได้สิทธิรับเงินปันผลในรอบการจ่ายนี้ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.setinvestnow.com/th/glossary/xd-xr-xw-xs-xt-xi-xp-xa

สุดท้ายการลงทุนในหุ้นมันมีเรื่องที่ต้องศึกษาและเรียนรู้มากมาย ถ้าหากสนใจลงทุนในหุ้นจริงๆ 724 อยากให้ทุกคนศึกษาหาความรู้ให้มั่นใจก่อนเริ่มลงทุน หวังว่าบทความนี้จะเป็นเป็นประโยชน์ในการเริ่มต้นในศึกษาการลงทุนในหุ้น และขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จและมั่งคั่งจากการลงทุน

ปรึกษาวางแผนการลงทุนอย่างมืออาชีพกับเรา คลิก https://724.co.th/campaign/fund-yuanta